กันยายน 13, 2550

ความประทับใจในชีวิต - กว่าจะถึงวันนี้


ชีวิตในช่วงวัยมัธยมของฉันนนั้นได้สอนประสบการณ์หลายอย่างทั้งทางที่ดีและทางที่ไม่ดีแต่ส่วนมากจะเป็นทางที่ไม่ดีมากกว่า แต่ถึงอย่างไรประสบการณ์เหล่านั้นก็ทำให้ฉันนั้นมีทุกวันนี้ ในช่วงวัยที่อยู่ชั้นมัธยมนั้นฉันเริ่มที่จะเป็นเด็กที่เกเรมากคนหนึ่งในสายตาอาจารย์เกือบจะทุกคนเพราะด้วยความที่ฉันไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ และชอบหนีเรียน ตัวฉันนั้นเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม ฉันนั้นเป็นเด็กที่เรียนดีคนหนึ่ง แต่พอมาอยู่ในช่วงชั้นมัธยมปีที่ ๑ นั้นฉันนั้นคบเพื่อนเป็นจำนวนมาก แล้วเพื่อนของฉันแต่และคนนั้นเป็นเด็กที่ไม่เรียนหนังสือเกเรไปวันๆฉันนั้นชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาทในโรงเรียนบ่อยมากทั้งกับรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันต่อมาวันหนึ่งเพื่อนของฉันนั้นมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กโรงเรียนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ฉันกับเพื่อนอีกหลายคนก็โดดเรียนกันไปทะเลาะวิวาทกับเด็กกลุ่มนั้น จนทำให้ถูกเชิญผู้ปกครอง และพักการเรียน เพราะวันที่ไปทะเลาะวิวาทกันนั้นรื่องเลยโดนตำรวจจับได้ เรื่องจึงมาถึงโรงเรียน จนในที่สุดจะจบภาคเรียนที่ ๒ นั้นผลการเรียนของฉันนั้นตกต่ำมากเหลือแค่ ๑.๒๓ จากเด็กที่เรียนได้เกรดดีมาตลอดจนทำให้ต้องย้ายโรงเรียนเพราะถ้ายังเรียนที่นั้นต่อแม่บอกว่าคงไม่จบ ม ๓ แน่ๆ ฉันเลยต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่ จังหวัด ตรัง เมื่อมาอยู่ที่นี้ฉันต้องปรับตัวใหม่ทุกอย่าง เพื่อนใหม่ โรงเรียนก็ใหม่ แถมยังไม่รู้จักใครเลย ตอนนั้นฉันรู้สึกเหงามากๆ แต่ก็มีเรื่องขึ้นมาจนได้เนื่องจากฉันเป็นเด็กที่หน้าตาคมเข้มหรือที่พูดง่ายๆ ว่าหน้าดุน่ะ ก็เลยมีเรื่องกับรุ่นพี่ตบตีกันจนได้แผลไปเล็กน้อย และหลังจากวันนั้น ฉันก็เริ่มกับไปทำตัวเหมือนเดิม คบกับเพื่อนกลุ่มที่ไม่ค่อยเรียนหนังสือ หนีเรียนไปเที่ยว จนอาจารย์ที่นั้นรู้จักสรรพนามองฉันดี เพราะฉันนั้นเข้าออกห้องปกครองเป็นว่าเล่นเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันทะเลาะกับเพื่อนชายต่างห้องด้วยความโมโหฉันเลยใช้มีดแทงผู้ชายคนนั้น จนบาดเจ็บและเรื่องก็มาถึงหูของพ่อและแม่พ่อจึงดุและว่าฉันควรเป็นคนที่อารมณ์เย็นกว่านี้นะ แล้วพ่อก็เสียค่าเสียหายให้กับผู้ชายคนนั้น ตอนนั้นฉันเป็นเด็กที่อาจารย์ทุกคนจ้องที่จะจับผิด และพูดว่าอย่างไรฉันก็เรียนไม่จบมัธยม ปีที่ ๓ แน่ๆ แต่ฉันก็เรียนจนจบมัธยมปีที่ ๓ ฉันคิดว่าฉันอยากไปเรียนสายเทคนิคต่อเพราะเพื่อนขของฉันก็ไปเรียนที่นั้นเกือบทุกคน แต่ทางบ้านของฉัน นั้นไม่ยอมแน่ๆ เพราะถึงไปเรียนก็เรียนไม่จบอีก พ่อและแม่อยากที่จะให้ฉันเรียนสายสามัญต่อ ฉันเลยฝืนใจมาเรียนสายสามัญ สายศิลป์ทั่วไป ก็มาสอบสัมภาษณ์ที่โรงเรียนเดิมที่ฉันจบ มัธยมปีที่ ๓ นั้น แต่สอบสัมภาษณ์ถึง ๓ ครั้งก้ไม่ผ่าน อาจเป็นเพราะฉันนั้นสร้างความเดือดให้กับที่นี้มากเขาเลยไม่อยากรับฉันเรียนที่นี้ แม่ของฉันเลยพาฉันไปหาท่านผู้อำนวยการและของฝากให้ฉันเรียนที่นั้นด้วย ท่านผู้อำนวยการก็รับปากและให้เรียนชั้นมัธยมปลายที่นั้น แต่ท่านขอร้องให้ฉันทำตัวเป็นคนใหม่ ตั้งใจเรียน และเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องดูให้ได้ ฉันก็รับปากท่านว่าฉันจะตั้งใจเรียนให้ถึงที่สุด หลังจากนั้นฉันก็พยายามทำตัวเป็นคนใหม่คบกับเพื่อนๆ ที่ขยันเรียนหนังสือ และไม่เที่ยวเตร่แล้ว หลังจากนั้นผลการเรียนของฉันก็ดีขึ้นมากจนได้เลื่อนห้องไปอยู่ ห้องสายศิลป์ห้องแรกคือห้อง ๕/๒ ฉันก็ขยันเรียนมากขึ้น ขยันอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมของโรงเรียนฉันได้เลือกเป็นคณะกรรมการนักเรียนทำงานให้โรงเรียน และช่วงนั้นโรงเรียนฉันได้โรงเรียนในฝัน ฉันเป็นคณะกรรมการต้อนรับท่าน ปิยะบุตร ชนวิชาญ ฉันดีใจมากที่ได้ทำงานเพื่อส่วนรวม และต่อมาฉันก็ได้เรียนชั้น มัธยมปีที่ ๖/๒ และช่วยกิจกรรมทางดรงเรียนมาเรื่อยๆ ฉันนั้นได้ยกให้เป็นตัวอย่างที่ดีของโรงเรียน ให้น้องนั้นควรทำตัวเป็นแบบอย่าง แล้วช่วงก่อนเอนท์นั้นฉันขยันอ่านหนังสือมากเป็นพิเศษ จนเอนท์ติดรอบแรกของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ฉันจบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ นั้นด้วยเกรดเฉลี่ย ๒.๗๕ ถึงแม้จะเป็นเกรดเฉลี่ยที่ไม่มากมายนักแต่ฉันก็ภูมิใจที่สุด
ฉันต้องขอขอบคุณบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ทำให้ฉันมาถึงทุกวันนี้จากเด็กที่เลยเกเรมากคนหนึ่ง ฉันขอบคุณพ่อและแม่ที่อยู่ข้างฉันและให้คำปรึกษากับฉันมาโดยตลอด และท่านผู้อำนวยการโรงเรียนที่ให้โอกาสฉันในวันนั้น ถ้าท่านไม่ให้โอกาสฉันวันนั้น ฉันคงมาไม่ถึงทุกวันนี้ อย่างน้อยฉันก็ลบคำที่สพประมาทฉันได้ว่าคงเรียนไม่จบ คนเราไม่มีใครหรอกที่ดีไปหมดทุกอย่าง เหมือนอย่างชีวิตฉันฉันสัญญาว่าจะเรียนใน มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร์นี้จนจบปริญญาให้ได้ (ฉันสัญญาค่ะ)
ผู้เขียน s5020210041@mor-or.pn.psu.ac.th

ความทรงจำดีๆที่สุราษฎร์ธานี


การที่เราจะไปเที่ยวที่ไหนสักที่หนึ่งแล้วจะมีความสุขหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะไปเที่ยวกับใครคุณว่าจริงไหม? เรื่องราวความประทับใจของฉันเกิดขึ้นในช่วงที่ฉันอยู่ม.6 ซึ่งพูดได้ว่า เป็นวันสุดท้ายของม.6 ก็ว่าได้หลังจากรับผลการเรียนได้ 1 วัน เพื่อนก็ได้ตกลงกันว่าเราจะไปเที่ยวกันที่สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการฉลองกันในการจบชั้นม.6 เรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าประทับใจได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ 4 วัน แต่มันเป็นเวลาที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเพราะเป็นช่วงเวลาที่เรากับเพื่อนจะได้สร้างมิตรภาพและร่วมกันจำความทรงจำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาม.6 เราได้ร่วมกันร้องไห้ ร่วมกันหัวเราะ ดีใจ ไปพร้อม ๆ กัน 4วันที่อยู่ที่สุราษฎร์ธานีเราได้ไปเที่ยวที่เกาะสมุย หมู่เกาะอ่างทอง เราได้ชื่นชมธรรมชาติและมิตรภาพที่ยังเหลืออยู่ก่อนที่ทุกคนจะต้องแยกย้ายกันไปเรียนคนละที่ วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวรถไฟชั้น 3 เส้นทางสุราษฎ์ธานี -หาดใหญ่ ก็ได้ต้อนรับเราเพื่อให้เราได้เดินทางสู่ที่หมายอย่างปลอดภัยทุกคนถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นและผ่านมาไม่นานก็ตามที แต่เรื่องราวเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับใครหลาย ๆ คนก็ได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องของขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราได้มาเจอกัน รวมทั้งโชคชะตาที่ลิขิตให้มาพบกับสิ่งดี ๆ เหล่านี้ และฉันจะจดจำตลอดไป
นางสาว วรรณพิลาส ณ ถลาง

ความประทับใจในชีวิต-การใช้ชีวิตอยู่หอ


ตั้งแต่ข้าพเจ้าจำความได้ข้าพเจ้าไม่เคยแยกกันอยู่กับพ่อแม่และพี่ๆน้องๆเลย พอข้าพเจ้าได้เข้าเรียนศึกษาในระดับอุดมศึกษา ข้าพเจ้าแทบไม่ได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่ที่บ้านเลย เพราะตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เรียนมหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าก็จะพักอยู่ที่หอกับเพื่อนซึ่งเพื่อนที่ข้าพเจ้าพักอยู่ด้วยกันนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนมิหนำซ้ำยังมีเพื่อนที่ต่างศาสนาอีกด้วย ตอนแรก ๆข้าพเจ้ามีความรู้สึกกลัวหวาดระแวงที่ไม่มีพ่อกับแม่คอยอยู่ข้างๆเรารู้สึกว้าเหว่ ไม่มีกำลังใจ แต่ที่ไหนได้ เพื่อนในบางเวลาก็สามารถเป็นพ่อเป็นแม่ของเราได้ คอยตักเตือนเราในเวลาที่เราทำผิด ในยามที่เราไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันกับเรา คอยดูแลเราเหมือนพ่อกับแม่ของเรา สิ่งทีข้าพเจ้าภูมิใจมากที่สุดในชีวิตนี้ คือ การได้รู้ว่าเพื่อนก็มีความสำคัญเหมือนพ่อกับแม่ของเรานั่นแหละ ยามเราทุกข์เพื่อนก็ทุกข์ ยามเราสุขเพื่อนก็สุขตามไปด้วย สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าก็อยากจะฝากคำ ๆ หนึ่ง ให้เพื่อน ๆ น้อง ๆทุกคนได้รู้อะไรบางอย่างไว้ว่า " คนเราควรมีอดีตอยู่ข้างหลัง และมีความหวังอยู่ข้างหน้า " เท่านี้ละค่ะ ข้าพเจ้าเชื่อนะค่ะว่า สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของคนเรามีความสุขได้อย่างเที่ยงแท้
ผู้เขียน นางสาวอามาล แวสอเฮาะ

ประทับใจในความรักของพ่อและแม่


ความประทับใจของดิฉันในวันวานก็คือ ประทับใจในความรักของพ่อและแม่ พ่อกับแม่นั้นมีความรักกับลูกเสมอไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ท่านก็ยังรักและเป็นห่วงเสมอไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าลูกจะทําตัวอย่างไรก็ตาม ลูกจะทําผิดมากแค่ไหนท่านก็ยังให้อภัยเสมอ ไม่เคยมีความรู้สึกที่จะเกลียดลูกเลยดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทําให้พ่อแม่เสียใจมามากเลย แต่พ่อแม่ก็ยังให้อภัยเสมอ ดิฉันเคยทําให้พ่อแม่เสียใจไม่ได้เกี่ยวกับอะไรหรอกค่ะ เกี่ยวกับการเรียนนี้ล่ะค่ะชึ่งในตอนนั้นดิฉันกําลังเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น และมีนิสัยที่ชอบตามเพื่อนมากค่ะเป็นคนติดเพื่อนมากเพื่อนจะไปไหนมาไหนก็จะไปตลอด เพื่อนโดดเรียนดิฉันก็จะโดดเหมือนกัน แล้วมีวันหนึ่งกลุ่มของดิฉันได้นัดกันว่าจะไปดูคอนเสิร์ตกัน แล้วก็ไปดูคอนเสิตร์กันแล้วได้ไปเจอกับอาจารย์ที่โรงเรียนพวกของดิฉันก็โดนเรียกตัวเข้าห้องปกครองแล้วก็โดนอาจารย์ด่าแล้วก็ดัดนิสัยให้ไปล้างห้องนํ้า แล้วสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก แล้วต่อมาก็เกิดเรื่องแบบนี้อีก2ครั้งก็เลยเรียกตัวผู้ปกครองมาที่โรงเรียนแล้วบอกว่าไห้ออกจากโรงเรียนแล้วไม่ต้องมาโรงเรียนอีก พวกดิฉันก็กลับบ้านไปแล้ว ก็ถึงบ้านท่านก็เรียกมาคุยว่าจะเอากันอย่างไร จะเรียนหรือไม่เรียน แล้วคิดดูน่ะค่ะมีอีก3 เดือนเท่านั้นก็จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว สร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก จากนั้นท่านก็ต้องแบกหน้าไปที่โรงเรียนแล้วขอกับ ท่าน ผอ.ว่าขอให้เรียนจบที่นี้ด้วยเพราะไม่กี่เดือนก็จะออกแล้ว แล้วอาจารย์ทุกคนก็ประนามว่าพวกนี้ไม่มีทางได้ดีหรอกจากนั้นท่านก็ได้ไปหาที่เรียนพิเศษมีติวที่ไหนก็จะพาไปสมัคร ท่านจะเป็นคนจัดการทุกอย่างทุกวันท่านจะไปรับไปส่งแล้วเริ่มอ่านหนังสือหนักมากจากนั้นก็ไปสอบปรากฎว่าผลสอบออกมาก็ติดที่ มอ.แล้วเพื่อนกลุ่มของดิฉันก็ได้ติด มอ.5 คน ราชภัฏอีก 6 คนก็เป็นที่น่าประลาดใจเป็นอย่างมากจากนั้นเราก็ได้ทราบแล้วว่าทสิ่งที่ท่านได้ทําไปทุกอย่างก็ทําเพื่อเราทั้งนั้นทําเพื่ออนาคตในวันข้างหน้าของเรานี้แหละเป็นความประทับใจที่สุดในโลกเลยค่ะ เป็นความประทับใจที่ไม่อาจลือตลอดชีวิตและดิฉันขอสัญญาว่าจะไม่มีนิสัยอย่างนั้นอีกค่ะ
ผู้เขียน เด็กดื้อ 5020710234

ความประทับใจในชีวิต - สวนสนุก


ความประทับใจที่ข้าพเจ้าจะเล่าคือ ในช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกกับครอบครัวเรื่องก็มีอยู่ว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาให้แก่กันต่างคนก็จะทำหน้าที่ของตัวเองที่รับผิดชอบโดยพ่อกับแม่ของฉันมีอาชีพค้าขายพวกเขาขายของตอนเช้าพอตกเย็นก็ต้องไปซื้อของเพื่อเตรียมขายวันพรุ่งนี้ต่อส่วนฉันกับน้องอีกสองคนเช้าก็ไปเรียนพอเลิกเรียนก็จะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านและขายของเพราะเหตุนี้แหละครอบครัวของฉันไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวด้วยกัน ในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อนม.อใด้เปิดสอบตรงฉันก็เลยสมัครและสอบดูจนกระทั่งผลสอบได้ประกาศว่าฉันติดที่ ม.อ ปัตตานี ฉันรู้สึกดีใจและบอกพ่อแม่ว่าฉันติดที่ม.อ ปัตตานี ทั้งสองรู้สึกดีใจที่ฉันทำได้และได้เรียนที่ไม่ค่อยไกลจากบ้านมากนักและฉันขอพ่อว่าพวกเราน่าจะไปเที่ยวกันก่อนที่ฉันจะได้มาเรียนอยู่ที่นี้ถือว่าเป็นรางวัลแก่ฉันสักครั้งพ่อก็ตอบตกลงว่าจะพาไปเที่ยวที่ที่ฉันอยากจะไปมากที่สุดนั้นคือสวนสนุกดรีม เวิลด์ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังกรุงเทพแล้วพักอยู่ที่บ้านญาติพอรุ่งเช้าพวกเราก็ไปที่สวนสนุกด้วยกันพอได้ถึงที่นั้นแล้วพอก็ได้ซื้อบัรพร้อมตั๋วเครื่องเล่นให้พวกเราเสร็จแล้วพวกเราก็ก้าวสู่ดินแดนแห่งเนรมิตกว่าได้เพราะมันเต็มไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆมากมาย เช่น รถไฟเหินเวหาหรือรถไฟเหาะ ไวกิ้ง ตะลุยอวกาศ รถบั้ม และอีกมากมาย เครื่องเล่นเหล่านี้ฉันเล่นแล้วรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝันก็ว่าได้เมื่อรู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นมากๆก็จะกรี๊ดออกมาเหมือนได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้สึกว่าไม่สบายใจและเต็มที่ไปกับมันทำให้รู้สึกว่ามีความสุขมากๆสนุกไปกับมันจนเพลินจนกระที่งสวนสนุไกล้จะปิดทุกคนที่อยู่ในรวมถึงฉันและครอบครัวของฉันก็ทยอยกันกลับบ้าน ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้มาเที่ยวที่ที่ฉันอยากมาที่สุดโดยเฉเพาะได้มาเที่ยวกับครอบครัวซึ่งฉันคิดว่าหาโอกาสได้ยากมากจึงทำให้การที่ได้มาเที่ยวครั้งนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจในชีวิตก็ว่าได้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงจะมีความสุขเหมือนฉันถ้าได้ไปเที่ยวกับครอบครัวของตนเองและเป็นความทรงจำดีๆที่ไม่อาจลืมได้และฉันเชื่อว่าไม่มีความสุขไหนที่ดีกว่านอกจากความสุขนั้นได้มาจากครอบรัวของตัวเอง ผู้เขียน รหัส 5020710083

ความรักของพ่อและแม่

ความประทับใจที่สุดก็คือ ประทับใจความรักของพ่อและแม่ค่ะหนูประทับใจพ่อแม่ที่สุดก็คือ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกเสมอและมีความอดทนเป็นอย่างมาก เป็นคนที่หาเงินเก่งมากไม่ว่าจะมีงานอะไรก็จะทำทุกอย่างไม่งานนั้นจะหนักหรือเบาก็ตาม ก็ไม่เคยบ่นสักคำว่าเหนื่อยแต่กลับกันลูกไม่เคยนึกถึงความรู้สึกว่าท่านนั้นเหนื่อยกับเรามากแค่ไหน หนูคนหนึ่งที่เคยทำให้พ่อแม่ต้องเสียกับการกระทําของหนูมาหลายต่อหลายครั้งตอนที่หนูอยู่มัธยมนั้นได้สร้างวีรกรรมไว้มากมาย ไม่ว่าจะโดดเรียนไปเที่ยวกับเพื่อน มาโรงเรียนตอนเช้าแล้วไม่ถึงที่โรงเรียน ซึ่งทำให้อาจารย์ต้องเรียกผู้ปกครองมาคุยเพราะการเรียนไม่ดีเลย ก็ต้องโดนเรียกตัวเข้าห้องฝ่ายปกครองอยู่เสมอ จนถึง ม.6ก็ได้ปรับตัวอยู่ประมาณ 1เทอมก็ได้เกรดดีๆๆหน่อย แต่พอมาอยู่ ม.6เทอม2ก็มีนิสัยเดิมๆๆอีกก็สร้างความลำบากใจให้กับพ่อแม่อีกแล้ว เพื่อนก็ได้ไปทะเลาะกับน้อง ม.5แล้วน้องเข้าเป็นลูกของอาจารย์ที่สอนอยู่ที่นั้นแล้วเข้าไปบอกว่าพวกหนูไปหาเรื่องเข้าก่อนแล้วน้องเขาก็หังเย็บไป3เข็ม แต่พวกหนูไม่ได้เป็นอะไรหนูไม่ได้เป็นคนทำนั้นค่ะเพื่อนหนูทำแต่อยู่ในกลุ่มเดี่ยวกันก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันแล้วแม่ของน้องนั้นเขามาบอกอาจรย์ฝายปกครองว่าพวกหนูไปตีหัวลูกสาวเขา แล้วอาจรย์ฝ่ายปกครองก็ไม่ฟังเหตุผลของพวกหนูเลยว่าเรื่องเป็นยังไงเขาฟังคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าไม่ฟังเด็กอย่างเราหรอก แล้วอาจารย์ฝ่ายปกครองเขาได้ผู้ปกครองมาแล้วบอกให้พาพวกหนูกลับบ้านไปแล้วก็ไม่ต้องมาเรียนอีก หนูก็ตกใจว่าทำไม่อาจารย์เขาไม่ฟังเหตุผลเราเลย แล้วพวกหนูไปบอกแม่ของนน้องเขาไปบอกว่า (อาจารย์ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วก็น่าจะคิดน่ะว่าการที่เด็กถูกทำลายอนาคตนี้เป็นอย่างไรอาจารย์ก็นึกดูว่าถ้าเป็นลูกอาจารย์เอง) แล้วแม่ของน้องเขาก็ไปบอกอาจารย์ฝ่ายปกครองว่าพวกหนูไม่ผิดลูกเขาผิดที่ไปหาเรื่องพวกเขาก่อน จากนั้น 2-3วันอาจารย์ฝ่ายปกครองโทรที่บ้านว่าเขาจะให้โอกาสกับพวกหนูอีกครั้งหนึ่งถ้าพวกหนูยังทำตัวอย่างนี้อีกก็จะไล่ออกทันที พวกหนูก็กลับไปเรียนอีกครั้งหนึ่ง แล้วอีก1เดือนก็จะสอบเอ็นทรานแล้วซึ่งหนูกลับไปบอกแม่ว่า หนูยังไม่รู้เรื่องเลยที่จจะสอบเอ็นแม่เขาบอกว่าไม่เป็นไรแม่จะหาที่เรียนพิเศษให้แล้วแม่เขาไปถามเพือนเขาที่เป็นอาจารย์ให้ช่วยหาที่ติวพิเศษให้ ก็ได้มาไปเรียนแล้วพ่อกับแม่ก็จะไปรับไปส่งทุกวันโดยไม่บ่นสักคำว่าเหนื่อยอะไรไมไม่เคยเลย แล้วหนูก็ได้เข้ามาสู่มหาวิทยาลัยได้ก็ทำให้ท่านหายเหนื่อยไปเลยค่ะ นี้เเหละความประทับใจของหนูค่ะ สุดท้ายก็ขอให้คนที่อ่านเรื่องเอาไปคิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างเลย แล้วรักพ่อกับแม่ให้มากๆๆ ท่านไม่เคยทิ้งเราเลยน่ะค่ะ.

ผู้เขียน นางสาวสามีเร๊าะ เฮงลอโอ๊ะ

กันยายน 05, 2550

เรื่องประทับใจ-ความทรงจำสีจาง


วันหนึ่งในช่วงปิดเทอม และ หลังปัจฉิมนิเทศ ของนักเรียนชั้น ม.6 เป็นวันที่ทุกคน รอประกาศผลสอบ o-net a-net เพื่อที่จะเข้ามหาลัยต่างๆ ที่ตนต้องการ หลายคนก็ติดโควตา มหาลัยต่างๆแล้ว และหลายคนก็ยังไม่มีที่เรียน ผมคนหนึ่งก็ยังไม่มีที่เรียน เลย ต้องรอลุ้นผลสอบเหมือนกันว่าจะติดกับเขาไหม หลังจากที่ทุกคนรับ ประกาศผลการเรียน เทอม 2 เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผมเองต้องไปรับคนสุดท้าย เพราะว่ารูปถ่ายเรายังไม่ได้ให้อาจารย์ เราเลยต้องไปรับ 2 คนกับเพื่อนในวันที่โรงเรียนปิด พอผมได้ก้าวเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศจากที่เคยเต็มไปด้วยเสียงนักเรียนวิ่งเล่น กลับกลายเป็นเสียงลมของต้นไม้ที่พลิ้วไหว ซึ่งเราไม่เคยจะได้ยินมาก่อน เหมือนเวลาจะหยุดหมุนในช่วงเวลานั้นเลยจริงๆ ผมมาโรงเรียนกับเพื่อนคู่หูผมคนหนึ่ง ที่เคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลา 3 ปีกว่าๆ ซึ่งจะเรียกได้ว่า เป็นเพื่อนคู่ใจจริง ไม่ว่าจะตอนทำงานกลุ่ม , กินข้าว , ไปเที่ยวเล่นกัน ส่วนตัวผมเองในห้องไม่ค่อยจะคุยกับเพื่อนคนอื่นมากเท่าไร นอกจากเพื่อนสนิทของผมที่ มีอยู่ 2 คน หลังอาคารเรียนใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีโต๊ะเก้าอี้ไม้หินอ่อน เป็นแถวเรียงยาว เป็นโต๊ะๆ ภายใต้ร่มของต้นไม้ใหญ่ ที่เพื่อนๆทุกคนในห้องผม มักจะนั่งเล่นคุยกัน เป็นประจำทุกวัน บรรยากาศที่เคยเป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย ต่างๆ เช่น การลอกการบ้านวิชาต่างๆ ที่ใกล้จะเรียนในอีกชั่วโมงข้างหน้า การจดโพยต่างๆ เมื่อใกล้เวลาจะสอบเก็บคะแนนต่างๆ ในห้อง , การทะเลาะวิวาทกับเพื่อนกันเอง , นั่งเล่นกีต้า- หมากฮอท , นอนหลับพักผ่อน อาจเป็นที่สำคัญของพวกเราที่อยู่ด้วยกันมาเลยจริงๆ เมื่อผมนั่งลงที่โต๊ะที่เรานั่งเล่นกันประจำกับเพื่อนสนิทอีกคน ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่นั่งรออาจารย์มา เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบมีแต่เพียงเสียงของธรรมชาติ ซึ่งทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวเก่าๆที่ทำให้รู้สึกดีเมื่อได้นั่งอยู่บริเวณนี้ มองเห็นสภาพที่โต๊ะทุกว่างเปล่ามีแต่เศษไบไม้ที่รกหูรกตา จากเคยที่มีเพื่อนเราเคยนั่งเล่นคุยกันทุกวัน ผมเลยพูดกับเพื่อน อีกคนว่า “ นี้เราต้องไปจากที่นี้แล้วหรอว่ะ ” เมื่อผมพูดไปแล้วรู้สึกข่นลุกขึ้นมาทันที เมื่อผมรับเสร็จแล้วก็ได้แยกย้ายกับเพื่อนกลับบ้าน เวลาผ่านไปเร็วดีจริง เมื่อผลสอบประกาศออกมาเพื่อนทุกคนได้ที่เรียนหมดแล้ว ตัวผมเองก็ติด มอ.ปัตตานี หลายคนในห้องก็ไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ ส่วนเพื่อนสนิทของผมมันก็สอบพยามบาล 3 จชต. ติดจึงได้ไปอยู่ จ.นครสวรรค์ จึงไม่มีเวลาจะได้เจอกันอีกเท่าที่ควร เมื่อผมต้องใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัยที่มีคนมาจากหลายจังหวัดทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แต่เพียงลำพัง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
*** ฟ้าสาง ต่างคนก็ต่างแยกย้าย.... ***
เขียนโดย นาย วิทยากร อินทรอุดม
รศ. ปกครอง No.5020710209 G.01

ความประทับใจในชีวิด-กุญแจกับมอเตอร์ไซค์


ความประทับใจในชีวิตของดิฉันก็คือการที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นจากสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คือวันนั้น ณในมหาลัยแห่งนี้แหละ วันนั้นดิฉันได้เดินออกจากหอเอฟ (หอสมุด)แล้วเดินไปที่รถปรากฏว่า ดิฉันได้พบกุญแจรถค้างไว้ที่รถนั้นสงสัยเจ้าของเขาลืมไว้ ดิฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงถ้าทิ้งไว้ตรงนั้นโดยที่เราไม่ได้สนใจ อาจมีขโมยมาเอาก็ได้ ใครจะไปรู้ดิฉัยก็เลยหยิบกุญแจนั้นออกจากรถเพื่อที่จะเก็บมันไว้แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงอยู่ดี จะฝากให้กับใครคิดว่าจะฝากให้กับเจ้าหน้าที่ที่หอสมุดให้เก็บไว้ในตู้สำหรับสิ่งของที่คนทำตกไว้แต่กลัวว่าเจ้าของรถนั้นไม่ได้อยู่ที่หอเอฟ เป็นไปไม่ได้ถ้าเขาอยู่ในอาคาร19 แล้วจะไปหาที่หอเอฟ มันก็ต้องตกที่อาคาร 19 สิคิดไปคิดมาไม่รู้จะทำยังไงอีกอยู่ครู่หนึ่งดิฉันก็หยิบกระดาษขึ้นมาแล้วเขียนข้อความลงในกระดาษนั้นว่า"คุณลืมกุญแจไว้กับรถ กรุณาติดต่อที่ 084-1992758 นะค่ะ"แล้ววางใต้เบาะรถที่ไม่ได้ล็อกไว้ พอประมาณบ่ายๆ เขาก็โทรมาดิฉันก็เลยพากุญแจไปคืนเจ้าของเขาพอได้เจอกันแล้วดิฉันยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นเจ้าของรถหรือเปล่ากลัวว่าคนจะมาอ้างว่าเป็นของตน เพราะกระดาษนั้นอยู่ให้เบาะ ซึ่งไม่ได้ล็อกกลัวคนอื่นจะเห็นเข้าก่อน ดิฉันก็เลยถามเขาว่า "น้องค่ะกุญแจรถน้องมีลักษณะอย่างไรค่ะ" เขาก็บอกฉอดๆๆ อืม คงใช่แล้วแหละถ้าไม่ใช่เจ้ารถจริง เขาไม่สามารถที่จะบอกรายละเอียดของกุญแจนั้นได้ใช่ไหมค่ะ เพราะพวงกุญแจนั้นเต็มไปด้วยกุญแจหลายดอกและพวงกุญแจนั้นมีรูปลายหัวใจด้วยซึ่งคนอื่นไม่สามารถที่จะเดาเล่นๆได้ว่ากุญแจนั้นมีกี่ดอก และลายยังไงดิฉันก็เลยโล่งอกที่เจอกับเจ้าของรถตัวจริงและเขาก็รู้สึกสบายใจที่ได้เจอกุญแจ ไม่งั้นแย่แน่ๆเลยและเขาก็ได้ขอบคุณดิฉันเป็นอย่างยิ่งที่ดิฉันช่วยเก็บกุญแจให้ และเขาก็ยิ้มดีใจ และความสบายใจของเขานี้แหละทำให้ดิฉันประทับใจที่ได้ช่วยเขาแล้วทำให้เขาสบายใจและที่ประทับใจมากที่สุดก็คือทำให้เขาได้พ้นจากการขโมยรถของเขาซึ่งไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาเลย ได้เห็นเขาสบายใจ ยิ้มได้ มีความสุขแค่นี้ทำให้เรามีความรู้สึกสบายใจไปด้วยและรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยในครั้งนี้ค่ะ
เขียนโดย เงาจันทร์
รหัส5020210163

กันยายน 04, 2550

ความประทับใจในชีวิต


ก้าวแรกที่ได้เข้ามาในรั้ว ม อก็ได้เข้ามาพักที่หอศรีตรังที่พร้อมให้นักศึกษาได้มาพักเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเรา ความประทับใจของผมเกิดขึ้นในหลายๆด้านและในเวลาที่ต่างกันซึ่งความประทับอันแรกเกิดจากความสามัคคีของเพื่อนรวมห่อโดยเฉพาะการโดนลงโทษเมือคนใดทำผิดเพื่อนก็รับโทษด้วยกันเมือเป็นหนึ่งกัน และประทับในเพื่อนๆพร้อมที่เริ่มต้นอ่านหนังสือและกลับใจตั้งหน้าตั้งตาขยันเรียน เมื่อมี่การสอบทุกคนจะช่วยกันสอนในรายวิชานั้นใครพอรู้ในรายวิชาใดก็สอนในรายวิชานั้น

เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆความประทับในก็เริ่มปรากฏเช่นประทับใจในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน สึงที่เราไม่เคยได้ทำแต่เมื่ออยู่รวมกันก็เกิดกระบวนการเรียนรู้โดยไม่ต้องไปศึกษา ออกจากหอพัก และรู้จักการมี่น้ำใจระหว่างเพื่อนรวมห้องสร้างความไกลชิดระหว่างเพื่อนที่อยู่ต่างหอพัก สอนให้ทุกคนก้าวไปในชีวิตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในชีวิตสอนให้คนรู้จักพึงพากันและความอยู่รอดของชีวิตเละรู้จักตนเองและผู้อื่น

เป็นที่เริ่มชีวิตและเริ่มต้นอนาคตที่ดีในวันหน้าและรู้จักความพอเพียงเพื่อความเพียงพอในกรดำรงชีวิต สอนให้คนเป็นผู้นำและเป็นผู้ตามที่ดีสอนให้คนหยุดเพื่อความก้าวหน้าของชีวิตและสึงทุกรู้สึกลือไม่ได้ก็คือพระคุณของพ่อแม่ สอนให้รู้จักพื้นฐานการอยู่รวมกันในสังคม สอนให้รู้จักสิทธิความเท่าเทียมกันและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีนั้นทุกคนเจตนารงค์ที่ดีต่อกันโดยการตัดความอัคติออกไปให้ใกล้

ความประทับใจที่คนอยู่รวมก็ต้องรู้จัก การให้ ขอบคุณ ขอโทษ ไม่เป็นไรคำเหล่านี้มี่ความที่มากกว่าชีวิตเพราะถ้ารู้จักคำเหล่านี้ดีแล้วก็จะพบแต่ความสุขในชีวิตเพราะคนต้องอยู่รวมกันในสันคมที่ใหญ่กว่า มอ

ผู้เขียน นายฮัสบุลเล๊าะ ดือเล๊ะ รหัส 5020710325

ความทรงจำที่ประทับใจ


หากพูดถึงความประทับใจในความรู้สึกของฉันเอง ฉันจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้อยู่กับคนที่ฉันรัก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ญาติพี่น้อง และผองเพื่อน ความทรงจำของคนเราแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน มีทั้งความทรงจำที่เป็นสุข และความทรงจำที่เป็นทุกข์ซึ่งแล้วแต่คนเราจะเก็บความทรงจำแบบใดไว้ ตัวฉันเองก็มีทั้งความทรงจำที่เป็นสุขและเป็นทุกข์และมีหลากหลายเรื่องราวมากมายที่จะนำมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง อย่างความทรงจำที่ประทับใจก็จะเป็นช่วงมัธยมปลาย ซึ่งฉันคิดว่าสิ่งนี้น่าจะสร้างความสุขให้กับครอบครัวของฉันเอง สิ่งนั้นก็คือ การได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งทั้งตัวฉันและน้องสาวของฉัน วันนั้นเป็นวันที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข มันเป็นผลสำเร็จและผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ในช่วงๆหนึ่ง ซึ่งกว่าจะได้มา ไม่ใช่ง่ายเลย ต้องรู้จักกับอะไรอีกหลายอย่าง ทั้งความอดทน ความรับผิดชอบ ความเสียสละ และความขยัน เพื่อน ๆทุกคนเองก็อย่าท้อ ใช่ว่าเราจะไม่ได้รับเกียรตินิยมแล้วทุกคนจะไม่ประสบความสำเร็จ คิดอย่างนั้นไม่ถูกแน่นอน ตัวฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้เช่นกันหากไม่พยายาม
ผู้เขียน s5020610255@pn.psu.ac.th

กันยายน 01, 2550

น้องทาทา


ภาพน้องทาทา ที่อาจารย์เล่าให้ฟังในห้อง จำได้ไหม?
ตอนนั้นเป็นนักศึกษาศิลปะ เอกจิตรกรรม ก็ไปเดินเก็บข้อมูลทำงานที่ตลาดสด เห็นน้องคนนี้นั่งดูทีวีอยู่ท่านี้พอดี เลยยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย... ซึ่งนั่นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้น้องเค้าถูกล้อเลียน
เค้าถูกคนล้อว่า "มาดูสิ อีทาทา อีทาทาถูกถ่ายรูปเป็นนางแบบด้วย"
น้องคนนี้เค้าอายมาก สายตาที่เค้ามองมา เป็นสายตาที่เศร้าและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย

ความรู้สึกตอนนั้น ยังจำได้จนถึงวันนี้ค่ะ...
ความรู้สึกที่ว่า เราเป็นต้นเหตุให้เค้าต้องถูกล้อ ให้เค้าต้องอับอาย
ทั้งๆที่เราตั้งใจดี

ภาพๆนี้เป็นการ sketch ด้วยปากกาหมึกดำ จากภาพถ่ายภาพนั้นค่ะ

อ.อันธิฌา ทัศคร

s5020610161


ความประทับใจในชีวิตเรื่องนี้เป็นเรื่องของคน 2 คนที่เกิดมาไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่จากความไม่รู้จักนั้นแหละทำให้เราได้มาสนิทกันและผูกพันกันมาก เขาคนนั้นเป็นคนที่หัวโบราณนิดๆ ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไรเราเริ่มสนิทกันตอนอยู่ม. 3 น่ะไปกินข้าวก็ไปด้วยกัน เวลาไปห้องเราก็ไปด้วยกัน พอเริ่มเปิดเรียนตอน ม.4เราไม่ได้นั่งใกล้กัน เขานั่งหน้า ส่วนเราเป็นเด็กหลังห้องเลยล่ะ เราห่างกันมาก บางทีเราแถมไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำและความห่างกันนานๆทำให้เราเกิดความชินและไม่ค่อยคุยกันถึงกระทั้ง ม.5เทอมหนึ่งพอเข้าเทอมสองเราเริ่มมาสนิทกันมากขึ้นแต่มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ช่วงนี้เห็นช่วงที่เราเกเรสุดเลยล่ะเป็นเด็กเที่ยวเลยเรียนก็ไม่เข้าอ่ะ เขาก็ค่อยบอกเรา ค่อยเตือนเราตลอดเวลาแต่เราไม่เชื่อเขาเองจนกระทั้งเปิดเทอมตอนม.6เราได้นั่งที่ใกล้กันเริมสนิทกันมากขึ้นแล้วเขาบอกอะไรเราก็เชื่อเขามากขึ้นทำให้ชีวิตเรากลับจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะและทำให้เราได้มายืนจนถึงจุดนี้ ก็อยากบอกเขาว่าขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่เขามีให้เราเสมอมา ถ้ามมีเขาเราก็คงไม่ได้มายืนจุดนี้

ผู้เขียน s5020610161@mor-or.pn.psu.ac.th

ความประทับใจในชีวิต


บนเส้นทางการดำเนินชีวิตมักจะมีความสุขและความทุกข์ปะปนอยู่เสมอบางครอบครัวจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ บางครอบครัวก็มีความทุกข์มากกว่าความสุขสำหรับครอบครัวฉันแล้วความทุกข์ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตเลย ฉันเกิดมาท่ามกลางความอบอุ่นของครอบครัว ความประทับใจที่ฉันมีต่อครอบครัวนี้ก็คือ"วิธีการเลี้ยงดู"แม่จะเลี้ยงดูแบบปล่อยให้ลูกๆตัดสินใจเองแต่ถ้าหากการตัดสินใจของลูกทำท่าไม่ดีแม่ก็จะเข้ามาช่วย แม่จะเป็นทั้งนางฟ้าและฮีโร่เมาช่วยลูกในยามที่ลูกตกอยู่ในภาวะที่ลำบากแต่ในภาวะปกติแม่ก้จะค่อยดูอยู่ห่างๆ แม่จะเสียสละเพื่อลูกทุกอย่าง ไม่ว่าแจะเหนื่อยสักแค่ไหนแม่ก็จะทำทุกคนในบ้านจะเรียกแม่ว่า"วีระสตรีผู้เสียสละและแข่งแกร่ง" สาเหตุที่ทุกคนเรียกแบบนี้ก็เพราะว่าแม่จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเหนื่อย ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตสิ่งที่เคยทำแม่ต้องรับภาระแทนพ่อทุกอย่าง แม่ต้องทำงานคนเดีวแม่ต้องสละแรงกายเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ แม่ต้องทำงานตั้งแต่วัยอันควรเพราะฐานนะทางครอบครัวยากจนทำให้แม่ขาดโอกาสทางการศึกษา ชีวิตของแม่ลำบากตั้งแต่ยังเด็กแม่จึงไม่อยากให้ลูกๆประสบปัญหาชีวิตเหมือนกับแม่หรือไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แม่จึงอยากให้ลูกๆเรียนสูงๆจะได้มีอนาคตที่ดีแต่ปัจจุบันนี้ฐานนะทางครอบครัวดีขึ้นกว่าเดิมเพราะทุกคนก็โตแล้ว สามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแม่ได้แล้วและพี่ชายก็เรียนจบแล้วพี่ชายก็ช่วยเหลือครอบครัวอีกด้าน ทำให้แม่ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนแต่ก่อนและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แม่เป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนและจะเป็นแสงสว่างที่ช่วยส่องทางในยามมืด
ผู้เขียน s4920210394@mor-or.pn.psu.ac.th

ความประทับใจของข้าพเจ้า


สิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจที่จะนำมาบอกกล่าวไว้ ณ ที่นี้ก็คือความประทับใจในช่วงชีวิตมัธยมปลาย แน่นอนว่าช่วงชีวิตในมัธยมปลายถือเป็นช่วงชีวิตที่มีความสนุกสนานเป็นพิเศษและความประทับใจของข้าพเจ้าในช่วงนี้ก็คือ เพื่อน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเด็กมัธยมปลายทุกคนหรือถ้าจะพูดอีกแง่ก็คือ ใครที่ไม่มีเพื่อนชีวิตของเขาในช่วงมัธยมปลายคงเป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์นักโดยปกติแล้วข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็รักใคร่กันมาตลอด เพราะเราต่างก็ผ่านอะไรหลายๆอย่างด้วยกันแต่เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าอยากจะนำมากล่าวไว้ในที่นี้ก็คือ เหตุการณ์เมื่อครั้งที่ ข้าพเจ้าและเพื่อนๆได้ไปเข้าค่ายกันในฐานะของนักศึกษาวิชาทหารซึ่งในเวลานั้นเป็นช่วงปลายของการเรียนแล้ว แน่นอนเมื่อพูดถึงการไปเข้าค่ายของบรรดานักศึกษาวิชาทหารสิ่งแรกที่ใครๆต้องนึกถึงก็คือ ความยากลำบากและกฎระเบียบอันเข้มงวดคงจะไม่มีใครมาคิดว่ามันเป็นการเข้าค่ายที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสบายอย่างแน่นอนซึ่งนั่นคือความรู้สึกของข้าพเจ้าก่อนที่จะออกเดินทางไปเข้าค่าย แรกเริ่มเดิมทีของการเข้าค่าย ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดคิดไว้เราต้องประสบกับความยากลำบากมากมาย เช่น ในวันแรกของการเข้าค่ายนักศึกษาวิชาทหารทุกคนต้องเดินทางไกลเพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่ถูกกำหนดซึ่งมีระยะทางที่ยาวถึง 20 กิโลเมตรท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุบวกกับสัมภาระเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น ยิ่งทำให้การเดินของทุกคนยากลำบากยิ่งขึ้น และในช่วงที่ทุกคนกำลังเหนื่อยล้าจากการเดินทางสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตว่าทุกคนต้องการมันก็คือ “น้ำ”แน่นอนว่าการเดินทางในครั้งนั้นไม่มีร้านขายน้ำระหว่างทาง ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากความร้อนของแสงแดดที่สาดส่องอยู่เบื้องหน้าและเมื่อความคับขันเข้าครอบงำทุกคนสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองของข้าพเจ้าก็คือคำพูดที่ว่า“มนุษย์เราเมื่อถึงเวลาจวนตัวที่จะชี้วัดว่าตัวเองจะอยู่หรือจะไป เมื่อนั้นธาตุแท้ของมนุษย์จะเผยออกมา” ซึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเห็นก็คือการเอาตัวรอดและความเห็นแก่ตัวของใครหลายๆคน แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจก็คือ ความมีน้ำใจของเพื่อนทั้ง 7คนของข้าพเจ้าที่เราคบกันมาตลอด 3 ปีของการเรียนมัธยมปลายก็เพราะว่าในช่วงที่เราพักเหนื่อยจากการเดินทางนั้นทุกคนต่างก็หิวน้ำ และในกลุ่มของเรา 7คนนั้นก็มีน้ำอยู่เพียงแค่ขวดเดียวซึ่งถ้าจะแบ่งกันกินก็คงไม่พอกินทั้ง 7 คนแน่ ด้วยเหตุนี้เจ้าของน้ำจึงยอมเสียสละน้ำให้แก่เพื่อน คนที่ 2ที่ดูท่าทางจะกระหายน้ำยิ่งกว่าแต่คนที่ 2 ก็ปฎิเสธเพราะเห็นว่าคนที่ 3 ดูเหมือนจะเหนื่อยกว่าแต่ไม่ว่าจะอย่างไรทั้ง 7คนก็ไม่มีใครได้กินน้ำแม้แต่คนเดียว เพราะมัวแต่ยื่นน้ำให้แก่เพื่อนคนอื่นจนสุดท้ายเวลาของการพักก็หมดลงเราจึงออกเดินทางกันต่อโดยไม่มีใครได้ดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย นี่คือตัวอย่างที่ข้าพเจ้าประทับใจในความเสียสละของเพื่อนๆซึ่งยังมีอีกมากมายที่ข้าพเจ้าประทับใจต่อบรรดาเพื่อนๆทุกคน ความเป็นพี่น้อง,ความเจ็บปวดที่ทุกคนอาสาเจ็บร่วมกันจากการถูกทำโทษและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดการเข้าค่ายเหล่านี้คือมิตรภาพที่ยากแก่การที่จะพบ และในคืนวันสุดท้ายที่เราได้ร่วมทำกิจกรรมร่วมกัน(กิจกรรมระบำรอบกองไฟ)ซึ่งได้มีการเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดในสิ่งที่อยากจะพูด ซึ่งในครั้งนั้นได้ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยกับความซาบซึ้งและในวันรุ่งขึ้นที่เราต้องแยกย้ายกันกลับบ้านก็ได้มีการร่ำลากัน สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นก็คือบางคนได้เข้ากอดเพื่อนไว้อย่างเหนียวแน่นในขณะที่บางคนก็มีสีหน้าเศร้าๆอันเนื่องเพราะเราต้องจากกันและไม่รู้ว่าจะพบกันอีกเมื่อไหร่ซึ่งถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไรคงตอบได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อก่อนที่เราจะออกเดินทางมาที่นี้ เพราะก่อนมาทุกคนมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะมาแต่ก่อนกลับทุกคนก็ไม่อยากกลับขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าเป็นธรรมดา ทุกสิ่งมีเริ่มต้นก็ต้องมีสิ้นสุด ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีการเลิกราเราทั้งหลายมาเจอกันก็เพื่อจากกัน และสุดท้ายเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านทิ้งไว้เพียงความหลังจากการเข้าค่ายในครั้งนี้ซึ่งถือเป้นความทรงจำที่ดีที่สุดครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้าในชีวิต ม.ปลาย ที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมตลอดมา
นาย อามีน ลอนา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
รหัสนักศึกษา 5020210663

สอบติดก้าวเดินสู้มหาลัย


ผมรู้สึ้กประทับใจมากตอนนั้น ตอนที่ผมอยู่มัธยมปี่ที่6หรือมัธยมปลายผมได้มีโอกาสสอบ O-ne และ A-net ในการสอบของผมได้สําเร็จ ผมไม่นึกเลยวาในการสอบของผมจะติดในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์แห่งนี้ ในการสอบจะเข้าสู้มหาวิทยาลัยมันยากมาก เพระว่า คําตอบของการสอบ O-net และAnet คําตอบจะเหมื่อนกัน ต้องวิเคราะหืให้แน่นมาก ตั้งสติให้ดีในการสอบแต่ตอนั้นพอถึงผลสอบออกมามีเพื่อนในห้องมาบอกผมว่า ติด ทั้งๆที่เพื่อนมาบอกผมก็ไม่เชื้อ หลังจากนั้น ผมไปดูกับเพื่อนๆ เพื่อนของผมทุกคนดีใจมากที่ผมสอบติดในสถาบันแห่งนี้ ตอนนั้นกระผมไปถามเพื่อนที่ศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งนี้เขาบอกว่าศึกาในมหาวิทยาสงขลานครินทร์ทุกวิทยาเขตเนื้อหาในการเรียนจะเยอะมาก เพราะ ว่าใน ม.อเป็นอันดับหนึงของสถาบัน ผมก็กลั้วเหมื่อนกันตอนที่ผมเรียน ม. ปลายเรียนไม่เก่งพูดก็ไม่เป็นที่จะใช้ภาษาหลักด้วย พอถึง ณ.จุดนี้แล้วเราจะพยายามให้ดีที่สุด เช่น ขยันการเรียน ขยันอ่านหนังสือและขยันทุกสิ่งทุกอยางที่ผมทําได้ ตอนที่ผมก้าวเดินเข้ามาศึกษาสถาบันแห่งนี้ น้องปีหนึ่งทุกๆคนต้องมีกิจกรรมการรับน้อง การรับน้องจะมีหลายๆอย่าง เช่น การรับน้องของคณะ การรับน้องของเอก และการรับน้องของหอพักการรับน้องเป็นสิ่งที่สําคัญ เพราะว่า บางส่วนเป็นเกี่ยวข้องของมหาลัย และได้รู้จักกับเพื่อนๆการทีเราได้รู้จักจะต้องมีกิจกรรมแบบนี้ เพราะว่า ทุกๆคณะได้รวมกันตอนนั้นได้รู้จักกับเพื่อนมากผมก็รู้สึ้กดีใจมากที่มีกิจกรรมแบบนี้
ผู้เขียน นาย อิสมะแอ บองอปาเน๊าะ รหัส 5020710316

ความประทับใจของผม


ความประทับใจของผมนั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่ประทับใจมากเลยก็คือการที่ได้มาลงเรียนวิชาปรัชญานี้เอง ตอนเเรกๆที่มาลงทะเบียนเรียนนั้นผมยังไม่ค่อนรู้เรื่องอะไรสักเท่าไร แต่บังเอิญดันไปลงวิชาปรัชญา เพราะวิชาอื่นเต็ม เพื่อนของผมแต่ละคนนั้นบอกว่ายากมากเรียนไม่รู้เรื่องหรอก แต่จะทำไงได้ผมลงไปแล้วนี้ จึงไม่อยากเปลี่ยนแล้ว เเต่เมื่อได้เรียนไปผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้ลงเรียนวิชานี้เพราะผมคิดว่าวิชานี้นั้นสอนให้ผมคิดเป็น คิดอย่างมีระบบ และวิชานี้ยังเป็นพื้นฐานของวิชาต่างๆอีกด้วย ผมได้รู้จักวิชาปรัชญาเเละทำความเข้าใจ กับชีวิตได้ดี'a2ึ้นรู้จักการแก้ปัญหา นี้แหละคือความประทับใจของผม
ผู้เขียน นายสุภพัชร เอียดเจริญ sk_joe1@hotmail.com

แด่วันพรุ่งนี้


เรื่องราวความประทับใจในชีวิตของดิฉันคือ เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเมื่อครั้งหนึ่งดิฉันกับเพื่อนๆเหมารถตู้ไปงานวิทยาศาสาตร์ที่มอ.หาดใหญ่วันนั้นกลับถึงบ้าน สองทุ่มครึ่ง ทุกคนจอดรถไว้ที่บ้านของดิฉันยังไม่ทานข้าวเย็น เลยตกลงกันว่าจะไปทานจัมโบ้ที่ถนนมะกรูดเนื่องจากรถจักรยานยนต์ไม่พออีกหนึ่งคันดิฉันจึงเสนอว่างั้นเอารถของที่บ้านดิฉันอีกคัน ดิฉันจึงบอกว่าจะขอขับไปเองตัวดิฉันนั้นขับรถไม่เป็น เพื่อนๆดิฉันต่างก็ห้ามไม่ให้ดิฉันขับ "เฮ้ยแว่นไม่ต้องเลยแว่น" "เฮ้ย อย่าให้ไอแว่นขับ"ดิฉันเห็นท่าทีและอาการความเป็นห่วงของเพื่อน แต่ดิฉันก็ยังดิ้นรนจะขับไปจนได้ตอนขับไปเพื่อนๆก็ขับล้อมทั้งหน้า หลัง..ตอนกลับเพื่อนๆก็ห้ามไม่ให้ดิฉันขับแล้ว ตอนนั้นดิฉันรู้สึกดีใจมาก เอ๊ะมีคนเป็นห่วงเรามากขนาดนี้เลยหรอเรามีความหมายกับเพื่อนๆขนาดนี้เลยหรอที่สำคัญคือไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทในกลุ่มที่เป็นห่วงเราตอนนั้นเราได้เห็นถึงความจริงใจของเพื่อนที่แสดงออกมาจากใจจริงที่รู้สึกดีใจกับเรื่องนี้มากคงจะเป็นเพราะว่า เราอาจมองว่า ก่อนหน้านี้มิตรภาพมันอาจจะเป็นเพียงความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์หรือเป็นเพราะว่าเรามองค่าคนอื่นต่ำเกินไป จนไม่ค่อยแน่ใจว่าในคำว่า "เพื่อน"มีความจริงใจแค่ไหน บางทีการอยากได้รับความจริงใจ หรือความห่วงใยจากผู้อื่นมันก็น่าจะอยู่ที่ตัวเราว่าจะมอบสิ่งนั้นกับเขาก่อนหรือไม่ ความทรงจำมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะจดจำมันไม่ได้ดูอย่างเรื่องร้ายๆที่อยากจะลืมมันไป แต่ก็ทำไม่ได้เรื่องบางเรื่องอยากที่จะจดจำ น่าแปลกที่เรากลับลืมมันไม่รู้ว่าเรื่องราวความประทับใจครั้งนี้ดิฉันจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำได้นานแค่ไหนแต่อย่างน้อยเรื่องในอดีตก็เป็นไฟฉายส่องทางข้างหน้าได้ดี มาถึงวันนี้การมอบความรู้สึกดีๆให้ใครอีกฝ่ายนึงก่อนคงไม่ไช่เรื่องแปลกหรือสิ่งที่เราทำไปแล้วจะไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาแล้ววันนี้คุณมอบสิ่งนั้นให้ใครก่อนหรือยัง..(*)(*)(*)


ผู้เขียน นางสาวยัสมิน โต๊ะมีนารหัส นศ. 5020710162